Category Archives: บทความ

ลูกเล่นแท็บเล็ต มือถือนานเกินไป อุทาหรณ์คนเป็นพ่อเป็นแม่

อันตราย ! ลูกเล่นแท็บเล็ต มือถือนานเกินไป        สมาชิกเฟซบุ๊กท่านหนึ่ง ได้โพสต์ภาพลูกสาว ในภาพจะเห็นว่า เด็กสาวตัวน้อย มีก้อนเมือกคล้ายหนองติดอยู่ที่บริเวณดวงตา โดยคุณแม่ท่านนี้ ได้โพสต์อุทาหรณ์ แชร์ประสบการณ์ ถึงกรณีลูกเล่นแท็บเล็ต มือถือ นานเกินไป ไว้ว่า ฝากแม่ ๆ ไว้ด้วยนะคะ คือแม่ปล่อยให้น้องดูการ์ตูนในแท็บเล็ตหรือโทรศัพท์บ่อย ๆ ตอนแรกก็แค่น้ำตาไหลแต่วันต่อมาตื่นเช้ามาน้องลืมตาไม่ได้เลยค่ะ ต้องใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดให้ พาไปหาหมอ คุณหมอบอกเส้นเลือดฝอยอาจจะแตกได้ อาจมีผลต่อการมองเห็น ฝากเตือนแม่ ๆ ไว้ด้วยนะคะ ผู้โพสต์ยังได้อธิบายด้วยว่า ที่แม่โพสต์ก็คือฝากเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์นะคะ เด็กบางคนอาจจะเป็นเพราะสาเหตุอื่น ไม่ใช่แม่ไม่มีเวลาเล่นกับลูก ข่าวแม่ก็เคยดูและเคยได้ยินว่าโทรศัพท์มีผลเสียกับลูกหลายอย่างแต่มันยังไม่เกิดขึ้นไงคะ เพราะบางทีเราก็คิดว่าไม่เป็นไรหรอก ปล่อยให้เค้าดูไปเถอะ ส่วนใหญ่จะให้ดูสิ่งที่มีสาระ เช่น เสริมทักษะ พัฒนาสมองอะไรประมาณนี้ค่ะ บางคนอาจให้ดูนานกว่านี้เสียอีก แต่หากว่ายังไม่เกิดขึ้นกับลูกหรือยังไม่มีผลอะไรมากก็ปล่อยให้ดูไป แต่กับแม่คือเกิดขึ้นกับลูกเราแล้วไงคะ แม่เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้แม่ ๆ ท่านอื่นได้รู้ถึงผลเสียของมัน บางคนเข้ามาติติงว่าแม่ไม่มีเวลาให้ลูก ไม่ดูข่าว คือจริง ๆ แม่มีเวลานะคะ แม่เล่นกับลูกทุกวันค่ะ

พัฒนาการทางร่างกายและการส่งเสริมเด็กเล็ก

ทารกในช่วงหนึ่งเดือนแรกยังต้องการการนอนหลับพักผ่อนมากถึง 12-14 ชั่วโมง และเมื่อตื่นก็มักจะใช้เวลาไปกับการดูดนม การเปลี่ยนผ้าอ้อม และการมองสิ่งต่างๆ รอบตัวในบางครั้งคราว และหลายครั้งก็จะร้องไห้อย่างหาสาเหตุไม่ได้ อย่างไรก็ตามการนอนของทารกไม่ได้หยุดยั้งพัฒนาการแต่อย่างใด แต่เขาสามารถรับรู้ถึงแรงกระตุ้นและตอบสนองกับสิ่งเร้าต่างๆ แม้ว่าดวงตาของเขาจะปิดก็ตาม หรืออาจจะกล่าวได้ว่าทารกจะหลับสนิทประมาณ 20-30% เท่านั้น นอกนั้นจะเป็นการเคลิ้มหลับ ตารางเวลาของทารกจะตื่นทุกๆ 3 ชั่วโมงในช่วงสัปดาห์แรกตั้งแต่แรกเกิด และเมื่อเข้าสัปดาห์ที่ 2 คุณพ่อคุณแม่ก็จะเริ่มจับกิจวัตรประจำวันและอากัปกิริยาของลูกเวลานอนได้มากขึ้นอาทิ ครางหงิงๆ เบาๆ ทำหน้าเหยเก แสยะยิ้มหรือทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ดูดปากเองเสียงดังจุ๊บจั๊บ หายใจไม่สม่ำเสมอ มีอาการกระตุกที่ใบหน้า เปลือกตาเผยอเล็กน้อยและดวงตาคู่เล็กๆ มักชำเลืองไปมา พัฒนาการทางร่างกาย        ร่างกายของทารกช่วงนี้มักจะอยู่ในผ้าห่มอุ่น และยังต้องการความปลอดภัยจากการห่อหุ้มนี้ เพราะถ้าผ้าหลวมเกินไปก็จะทำให้ผวาและร้องไห้ได้ และจะเห็นได้ว่าพัฒนาการทางร่างกายของทารกยังไม่มีการพัฒนามากนัก แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายทารกวัย 1 เดือนมีพัฒนาการที่ดี คือ การเตรียมเสื้อผ้าให้พอดีตัว ผ้าอ้อมแห้งไม่เปียกชื้น และผ้าห่มที่อุ่นสบาย จะช่วยให้เขามีพัฒนาการทางร่างกายที่ดีได้เช่นกัน พัฒนาการทางร่างกายที่เด่นชัดของทารกวัย 1 เดือน ได้แก่– ถ้าดึงแขนลูกขณะนอน ทารกจะพยายามยกศีรษะตั้งตรงกับแนวหลัง– เมื่อนอนหงายจะพลิกตัวได้– ยังไม่สามารถพยุงศีรษะให้ตั้งตรงเองได้– ชอบเอากำปั้นเข้าปาก

9 เรื่องจริงจากคนเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกเองเท่านั้นจะรู้ซึ้งงงง!

#1 มีอัตลักษณ์ของความเป็นแม่แม้แต่ละคนนั้นมีบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกัน การเลี้ยงลูกของแต่ละบ้านก็แตกต่างกันอยู่แล้ว แม้ว่าพัฒนาการของทารกนั้นอาจจะคล้ายคลึงกันมา แต่ความรู้บางอย่างอาจใช้ได้แค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งคือตัวตนของคุณแม่ล้วน ๆ ที่จะเลี้ยงลูกของตัวเอง ของแบบนี้เลียนแบบกันไม่ได้ #2 เบบี๋ก็มีเอกลักษณ์ทารกแต่ละคนก็มีบุคลิก ลักษณะ พฤติกรรมที่แตกต่างกันไปในแบบที่แม่จะต้องเจอ ถ้าเราเจอลูกของคนอื่นเรียบร้อย เลี้ยงง่าย ดื้อ ซน ฯลฯก็ไม่ได้หมายความว่าลูกจะเป็นเหมือนกันหมด #3 เวลาผ่านไปเร็วเหมือนติดปีกบินเวลาอยู่กับลูกในตอนเล็ก ๆ เหนื่อยก็จริง แต่พอมองเห็นลูกค่อย ๆ โตแล้วก็โหยหาเวลาที่เขายังเด็ก หรือ “พวกเขาจะโตขึ้นก่อนที่คุณแม่จะรู้ตัวซะอีก” ดังนั้นให้เวลากับลูกในช่วงวัยเด็กให้มาก และมีความสุขไปทุกช่วงเวลาอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้กับลูก ๆ เพราะเวลานั้นมีปีกบิน เผลอแป๊บเดียว เด็ก ๆ นั้นก็เติบโตอย่างรวดเร็ว #4 สิ่งสำคัญมากบางครั้งก็ไม่ต้องเสียเงินแน่นอนว่าเงินก็เป็นอีกปัจจัยที่สามารถจ่ายไปกับอะไรได้มากมาย แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความทั้งหมดหากคุณแม่ได้ใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งที่ไม่คุ้มค้า เช่น ซื้อรถเข็นที่ดีที่สุด ซื้อชุดเสื้อผ้าสวย ๆ หรือการจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่ดีที่สุดให้กับลูกๆ เป็นต้น เพราะหลังจากที่เราจ่ายเงินไปกับสิ่งเหล่านี้ ท้ายที่สุดแล้วเราอาจจะตระหนักได้ว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวกำหนดคุณภาพชีวิตของลูก ๆ และพวกเขาก็ไม่ได้อะไรติดตัวเลย นอกจากความสุขฉาบฉวย มาประหยัดเงินเพื่อเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในอนาคตและมอบความรักด้วยการใช้เวลาคุณภาพกับลูกดีกว่า #5 ฟังเสียงรอบข้างให้น้อย ฟังหัวใจตัวเองให้เยอะในเมื่อคุณแม่จำเป็นต้องออกไปทำงานนอกบ้าน? หรือกลายเป็นแม่บ้านอยู่บ้านเลี้ยงลูก?

การเลี้ยงลูกของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่

การเลี้ยงลูกของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ แน่นอนว่าอะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปจากยุคก่อนอย่างมากทีเดียว แต่การที่เราควรฝึกให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตัวเองนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ควรปลูกฝังหรือสั่งสอนทุกยุคสมัยเลยก็ว่าได้ เพราะการฝึกลูกให้ช่วยเหลือตัวเองเป็นจะทำให้เขาเป็นเด็กที่กล้าคิด กล้าตัดสินใจและช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่ยังเล็กๆ ซึ่งจะทำให้เขาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่วันหน้าที่มีความรับผิดชอบต่อชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น วันนี้เรามาดูกันนะคะว่าวิธีเลี้ยงลูกแบบไหนที่จะฝึกลูกให้ช่วยเหลือตัวเองได้อย่างมั่นใจ พร้อมทำให้เขาเป็นคนที่เติบโตมาโดยเป็นเด็กที่มีความมั่นใจหรือเชื่อใจในตัวเองได้มากยิ่งขึ้น ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ 1.ชมเชยเมื่อลูกทำสำเร็จ พยายามที่จะสอนให้ลูกทำอะไรด้วยตนเอง และเมื่อลูกทำสำเร็จ คุณพ่อคุณแม่ก็ควรชมเชยลูกทุกครั้ง หรือหากแม้ลูกทำแล้วจะไม่สำเร็จ ก็ควรแสดงการชื่นชมในความพยายามของลูกด้วยเช่นเดียวกัน เพราะหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่คือ คอยให้กำลังใจ ให้คำชี้แนะ เพื่อที่จะให้ลูกมีกำลังใจที่จะเริ่มต้นทำใหม่ต่อไป โดยไม่เกิดความอับอายหรือหมดความพยายาม 2.ปล่อยให้ลูกแก้ปัญหาด้วยตนเองบ้าง ในบางเรื่อง ก็ไม่ใช่ว่าพ่อแม่จะต้องคิดแทนเขาเสียหมด จนลูกไม่ต้องคิดเพื่อตัดสินใจหรือแก้ปัญหาอะไรด้วยตัวเองเลย หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ยิ่งจะทำให้เขาขาดความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาด้วยตนเองมากขึ้น แต่หากลูกได้ลองฝึกบ่อยๆ นานวันเข้า เมื่อเขาโตขึ้นเขาก็จะได้เรียนรู้การแก้ปัญหาด้วยตนเอง จากการลองผิดลองถูกซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต ที่จะทำให้เขาแกร่งและเชื่อมั่นในตนเองต่อไป 3.ปล่อยให้เขาแสดงพฤติกรรมตามวัยของเขา ให้เขาได้ปฏิบัติตนให้สมกับวัยของเขา ไม่ควรเคร่งครัด เข้มงวด จริงจังจนกลายเป็นเจ้าระเบียบเกินไป หากเขาอยู่ในวัยรุ่นก็ควรปล่อยให้ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นบ้าง ไม่ใช่ต้องการให้เขาเป็นเหมือนพ่อแม่ที่คอยกำหนดตลอดเวลา สุดท้ายลูกจะหมดความเชื่อมั่นในตนเองไป 4.พาลูกไปสู่ประสบการณ์ใหม่ๆ เป็นการเปิดกว้างให้ลูกได้เรียนรู้ว่าในชีวิตมักมีอุปสรรคหรือประสบการณ์ที่ไม่ดีเข้ามาบ้าง โดยเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยเห็นเคยเจอมาก่อน แต่เขาก็ยังคงอดทน ผ่านพ้นเพื่อเอาชนะต่อไป 5.ไม่ควรแสดงว่าเรามีความกังวลใจในตัวเขา อย่าแสดงความวิตกกังวลในตัวลูก เมื่อลูกคิดหรือตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความผิดพลาด เพราะนั่นอาจหมายถึงความไม่เชื่อมั่นในตัวลูก ซึ่งลูกจะรู้สึกหมดความมั่นใจในจุดนี้ได้ 6.ให้กำลังใจเมื่อลูกมีทุกข์ ยามที่ลูกลำบากหรือมีเรื่องทุกข์ใจ เราควรสร้างกำลังใจให้เขา

วิธีพูดกับลูก

วิธีการพูดกับลูก เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะว่ามันสามารถกระทบต่อพฤติกรรม การรับฟังของลูก ได้อย่างดี โดยเฉพาะในช่วงวัย 2 – 5  ขวบ เเละ เด็กจะเริ่มมีความคิดของตัวเอง แต่ว่าเขายังสื่อสาร และยังควบคุมอารมณ์ได้ไม่ค่อยดีนัก เวลาที่ลูกงอแง ทำตัวไม่น่ารัก หรือกำลังโกรธเคืองเรื่องใด ๆ วิธีการและการเลือกใช้คำและ วิธีการพูดกับลูก ของพ่อแม่นั้นสำคัญมาก ไม่เฉพาะกับสถานการณ์ ตรงหน้าที่อาจทำให้ดีขึ้น หรือแย่ลง ก็ได้ทั้งนั้น แต่มีอิทธิพลต่อการสร้าง ความเป็นตัวตน ของลูกที่จะคงอยู่ ไปจนโตเลยทีเดียว ลองดูทางเลือกที่น่าสนใจกันนะคะ รับฟังอย่างตั้งใจ บางครั้ง ลูกก็ต้องการให้คุณรับฟัง เรื่องของเขาเฉยๆ เขาไม่ได้ต้องการความเห็นของคุณ ต่อปัญหาที่เขากำลังประสบอยู่ แต่ในบางสถานการณ์ เขาต้องการการรับฟัง อย่างสนอกสนใจ การแสดงออกว่าคุณรับฟังอย่างตั้งใจก็โดย วิธีการพูดกับลูก ด้วยการย้ำถ้อยคำของเขา ในขณะที่เขาเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้คุณฟัง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับเขาว่าคุณกำลังฟังเขาอยู่ และ เขามีค่าควรแก่การรับฟัง โดยนั่งลงให้สายตา อยู่ในระดับเดียวกับลูก ตั้งคำถาม เพื่อกระตุ้น ให้ลูกแสดงความคิด ความรู้สึก ออกมา

เคล็ดลับดี๊ดี..กระตุ้นพัฒนาการ ทารกแรกเกิด-12 เดือน

แรกเกิด – 1 เดือน         เมื่อจับลูกนอนคว่ำ ลูกจะสามารถยกศีรษะและหันไปข้างใดข้างหนึ่งได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรหาช่วงเวลาที่ลูกกำลังอารมณ์ดี ไม่อิ่มหรือหิวหรือง่วงนอนจนเกินไป จัดให้ลูกอยู่ในท่านอนคว่ำ เขย่าของเล่นที่มีเสียงตรงหน้าลูกในระยะห่างไม่เกิน 30 ซม. เพื่อกระตุ้นให้ลูกมอง เมื่อลูกมองแล้ว ให้ค่อย ๆ เคลื่อนของเล่นมาทางด้านซ้ายหรือขวาเพื่อให้ลูกหันตาม        ลูกจะสามารถมองตามได้ ควรให้ลูกอยู่ในท่านอนหงาย ก้มหน้าคุณแม่ให้อยู่ใกล้ ๆ หน้าลูกประมาณ 20 ซม. แล้วค่อย ๆ เอียงหน้าไปทางด้านข้างของลูกช้า ๆ หากลูกไม่มองตาม ให้ประคองหน้าลูกให้มองตามเบา ๆ        ใช้เสียงสูงต่ำในการพูดคุยกับลูก และลองเอาหน้าไปใกล้ ๆ และพูดคำว่า “อาอู ๆ ” ซ้ำ ๆ กัน เพื่อให้ลูกสนใจและส่งเสียงอ้อแอ้ตอบ 1-2 เดือน  

พ่อแม่สามารถพัฒนาให้ลูกมีพัฒนาการผ่านของเล่นได้เพียงแค่เลือกให้ถูกวัย

มีการวิจัยพบว่า ในช่วง 3 ขวบเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายเล่นของเล่นไม่แตกต่างกัน จะมาเห็นชัดคือหลัง 3 ขวบขึ้นไป เด็กจะเริ่มเรียนรู้ว่าหนูเป็นผู้หญิง หรือเป็นผู้ชาย เมื่อวิเคราะห์เจาะลึกลงไปพบว่า ตรงนี้ถูกนำเสนอโดยคนเลี้ยงดู  เช่น เกิดมาเป็นเด็กผู้หญิงต้องสีชมพู พ่อแม่จัดให้ หนูเป็นผู้ชายต้องสีฟ้า ก็พ่อแม่ แขกเหรื่อทั้งหลายจัดให้ พอเริ่มโตขึ้นมาอีกนิดจะเล่นของนุ่มนิ่ม พ่อแม่ก็เอาตุ๊กตาให้กับหนู ในขณะที่เด็กผู้ชายพ่อแม่ก็เอาของเล่นแมน ๆ ให้ เป็นของเล่นที่ฝึกกล้ามเนื้อ  พละกำลัง ความก้าวร้าวรุนแรง  ซึ่งความก้าวร้าวรุนแรงที่แฝงมาในรูปแบบของเล่น เช่น ปืน ดาบ นอกจากนี้เด็กอาจจะซึมซับจากสื่อที่บริโภคด้วย       ถามว่าดาบ และปืนเป็นของที่ห้ามเล่นหรือไม่ ก็ไม่ได้ห้ามเล่น แต่มีข้อระวังสูง ถ้าเด็กเล่น ต้องสอนให้เด็กได้รับความรู้จากปืนและดาบ เช่น ดาบทำให้เกิดอันตรายอย่างไร  ให้เด็กรู้ว่าสิ่งนี้นำมาซึ่งความเจ็บปวด  อันตราย แต่สามารถป้องกันได้ ต้องใช้ให้ถูกที่ ถูกเวลา ก็เป็นการสอนที่สอดคล้องเหมาะสม       การแต่งเติมความเป็นเพศอะไร เล่นอะไร  นอกจากสิ่งแวดล้อม การถูกปลูกฝัง ต้นแบบแล้ว  ยังมีประเด็นธรรมชาติบางอย่างเกี่ยวข้องด้วย จะเห็นได้จากเด็กที่มีพฤติกรรมไม่ตรงกับเพศกำเนิด

5 ของเล่นที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก

1.ชุดเครื่องมืออัจฉริยะ เสริมสร้างพัฒนาการด้าน : การวางแผนและสมาธิ           ชุดเครื่องมืออัจฉริยะเป็นของเล่นที่น้องๆ สามารถเอาแผ่นพลาสติกที่แบ่งออกเป็นแต่ละสี มาประกอบกันเป็นรูปต่างๆ ซึ่งจะมีรูปภาพที่เป็นเหมือนคู่มือมาให้ดูเป็นตัวอย่าง แล้วใช้สว่านทำให้มันอยู่ด้วยกัน น้องๆ จะต้องวางแผนว่าจะต้องใช้รูปแบบอะไร สีอะไร วางไว้ตรงไหน เพื่อที่จะให้ดูสมจริง และมีสมาธิในการทำ เพราะถ้าผิดไปแม้แต่อันเดียว ก็อาจจะ ออกมาไม่เหมือนกับที่ต้องการได้        แต่น้องทะเลนี่เค้าเก่งจริงๆ ทำออกมาได้สวยงามมาก ว่า่แล้วก็ไปดูน้องทะเลรีวิวของเล่น ชุดเครื่องมืออัจฉริยะกันเลย 2.เกมทุบน้ำแข็ง เสริมสร้างพัฒนาการด้าน : ร่างกาย กล้ามเนื้อมัดเล็กและเล่นกับผู้อื่นได้         ของเล่นที่จะฝึกสมาธิให้เด็กๆ จดจ่ออยู่กับการทุบน้ำแข็ง เสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็ก วิธีเล่นเกมก็คือจะวางเพนกวิ้นอยู่ตรงกลาง และให้ผลัดกันทุบน้ำแข็ง โดยคนที่ทุบน้ำแข็งแล้วทำให้เพนกวินตกลงมาถือว่าเป็นผู้แพ้นั่นเอง         ถึงเกมนี้จะให้เล่น 2 คนขึ้นไป แต่พี่ไอซ์ที่จะมารีวิวให้พวกเราดูนั้น ก็สามารถเล่นคนเดียวได้ด้วย (แนะนำให้น้องๆ

รวมไอเดียเด็ดสำหรับทำของเล่นเองที่บ้านง่ายๆ

ของเล่นจริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องแพง ก็สามารถเอาให้ลูกเล่นได้ เล่นแล้วได้ประโยชน์ เล่นแล้วเด็กมีพัฒนาการดีขึ้น ขึ้นอยู่กับคุณแม่จะนำไปประยุกต์สร้างสรรค์ของเล่นเป็นอย่างไร แล้วเด็กก็ได้เรียนรู้ถึงวิธีการทำของเล่นขึ้นมาด้วย

D.I.Y เปลี่ยนของเล่นที่ไม่ใช้แล้วมาเป็นของตกแต่งบ้านสุดแนว

ของเล่นที่เด็กไม่เล่นแล้ว ทิ้งเกลื่อนกลาดเต็มบ้าน  จะเอาไปทิ้งก็เสียดาย วันนี้เรามานำเสนอไอเดียวิธี “การเปลี่ยนของเล่นที่ไม่ใช้แล้วมาเป็นของเล่นสุดแนว”