ของเล่นวิทยาศาสตร์ที่ให้เด็กได้เล่นสนุกกับการทดลองทำหิมะเทียมด้วยตัวเอง
Author Archives: admin
เคล็ดลับการเลี้ยงดูเพื่อช่วยให้เด็กมีความนับถือตัวเองและมีทัศนคติเชิงบวก วิธีการเลี้ยงลูก ให้เป็นเด็ก “CAN DO” ถ้าคุณสามารถที่จะให้บุตรหลานของคุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย และสมบูรณ์แบบ มันจะเป็นอย่างไร? แม้ว่าคำตอบอาจเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่าหนึ่งในของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการปลูกฝังเด็ก คือ “ทัศนคติว่าฉันทำได้” ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับ 8 ข้อที่จะช่วยบอก วิธีการเลี้ยงลูก ให้เป็นเด็ก “CAN DO” ตรวจสอบความเป็นจริง : ความรู้สึกภาคภูมิใจที่แท้จริงคือการรวมกันของความรู้สึกว่าฉันมีค่า “ฉันเป็นที่รัก น่ารักและมีค่า” และความรู้สึกของความสามารถ “ฉันมีทักษะในการจัดการชีวิตของฉันได้” การไขความลับของการสร้างความนับถือตัวเอง ความสามารถในการสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน ความพึงพอใจ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และความสามารถของเด็กส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นในตัวเอง และข่าวที่ดีที่สุดคือนี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการเลี้ยงดูบุตรหลานของเรา ดังนั้นคุณจึงต้องมุ่งมั่นที่จะสร้างสมดุลในการเลี้ยงลูกของคุณ ในการสร้างความรู้สึกที่มีคุณค่าและความสามารถของบุตรหลานของคุณ
อันดับท๊อปจาก100 channels โฟกัสไปที่ของเล่น ขณะคนส่วนใหญ่มองไปที่ เพลง การ์ตูนสำหรับเด็ก Ryan’s Toys Review เป็นหนึ่งในช่อง YouTube ยอดนิยมในโลก ไรอันชอบเล่นของเล่น จากรถของเล่น รถไฟ เลโก้ ของเล่นดิสนีย์ แป้งโดว์ มินเนี่ยน เขาเล่นของเล่นเหล่านี้เพื่อผู้ชมออนไลน์นับล้าน ไรอันเป็นดาวรุ่ง เป็นช่องYoutube ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 2.5 ล้านราย และมีการรับชมวิดีโอ 4 พันล้านครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ เนื่องจากช่องของเขาเพิ่งเปิดตัวในเดือนมีนาคม ปี 2015 Ryan’s Toys Review เป็นช่องที่ได้รับความนิยมมากจนเป็นช่องทางที่ใหญ่เป็นอันดับสองของYoutube ในเดือนมีนาคม ปี 2016 ตามเว็บไซต์ Tubefilter ในอุตสาหกรรมวิดีโอออนไลน์ซึ่งใช้ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ OpenSlate 20 อันดับแรกจาก100 channel เช่น Disney Car Toys Club, Fun Toyz Collector, Toy
พ่อแม่หลายคนคิดว่ามันเร็วเกินไปที่จะสอนเด็กเล็ก แต่นั่นเป็นความเข้าใจผิด นี่คือคุณค่าที่เด็กควรจะพัฒนาเมื่ออายุ 5ขวบ และเป็นวิธีง่ายๆที่จะทำให้พวกเขาทำจนเป็นนิสัย คุณค่าที่1 ความซื่อสัตย์ ช่วยเด็กหาทางโดยวิธีการพูดความจริง วิธีที่ดีที่สุดในการส่งเสริมความจริงในเด็กคือการที่คุณเป็นคนมีความซื่อสัตย์ และอีกวิธีหนึ่งคือ อย่าโกรธถ้าลูกของคุณโกหกคุณ แต่ช่วยให้ลูกของคุณหาวิธีที่จะบอกความจริง แม้ว่าความซื่อสัตย์ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณและคนอื่นๆจะรู้สึกดี ถ้าคุณบอกความจริงกับพวกเขา คุณค่าที่2 ความยุติธรรม ยืนยันว่าเด็กทำผิด ในการพบเจอกันของญาติๆ เมื่อเร็วๆนี้ลูกพี่ลูกน้องวัย4ขวบกำลังเล่นของเล่นบล็อกไม้ ทันใดนั้นเอมี่ก็พังของเล่นของลูกพี่ลูกน้อง เมื่อพ่อของเอมี่เห็นว่าเอมี่แกล้งและขอให้เธอขอโทษ เอมี่ก็ขอโทษ จากนั้นพ่อของเอมี่พาเธออกไปข้างนอกและถามว่า “ทำไมคุณถึงพังของเล่นของเขา?” เอมี่ก็บอกเหตุผลต่างๆนาๆ พ่อบอกเธอว่านี่ไม่ใช่ข้ออ้างในการทำลายของเล่นลูกพี่ลูกน้องของเธอ แต่พ่อก็สามารถเข้าใจความรู้สึกของเธอได้ ถ้าคุณรู้ว่าบุตรหลานของคุณทำร้ายใคนบางคน ช่วยให้เขาคิดถึงวิธีที่จะชดเชย ด้วยการกระตุ้นให้บุตรหลานของคุณให้ความสำคัญกับการปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเป็นธรรมเป็นคุณค่าที่สำคัญที่จะช่วยให้เขาสามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้ คุณค่าที่3 การกำหนดเป้าหมาย กระตุ้นให้พวกเขาใช้ความท้าทาย วิธีที่ง่ายที่สุดในการทำเช่นนี้คือหลีกเลี่ยงคำชมที่มากเกินไปและให้ความคิดเห็นอย่างจริงใจแก่เด็กด้วยความอ่อนโยนและให้กำลังใจ อีกวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้เด็กมีพัฒนาการคือการกระตุ้นให้พวกเขาทำสิ่งต่างๆที่ไม่ได้มาง่ายๆ เพื่อชื่นชมพวกเขาสำหรับความคิดริเริ่มของพวกเขา ให้เขามีความมุ่งมั่นที่จะพยายามมากขึ้น คุณค่าที่4 พิจารณา สอนให้พวกเขาคิดถึงความรู้สึกของผู้อื่น ทำแบบฝึกหัดเล็กๆให้ลูกได้แก้ปัญหา ช่วยให้เด็กเรียนรู้คุณค่าของการคิดถึงคนอื่น พนันได้เลยเมื่อเวลาผ่านไปแม้แต่เด็กหนุ่มก็เห็นคำพูดหรือการกระทำที่ทำให้คนอื่นยิ้มได้หรือรู้สึกดีขึ้น และเมื่อเธอเป็นคนใจดีกับคนอื่นนั้น เขาก็จะดีกับเธอ คุณค่าที่5 ความรัก เปิดใจกับความรักของคุณ ปล่อยให้ลูกของคุณเห็นคุณแสดงถึงความรักและความเสน่หาของคุณต่อคนในชึวิตของคุณ จูบและกอดคู่สมรสของคุณ เมื่อเด็กอยู่รอบๆ พูดคุยกับลูกๆของคุณว่าคุณรักและชื่นชมปู่ย่าตายายและญาติของคุณมากแค่ไหน และแน่นอนอย่าให้วันหนึ่งผ่านไปโดยไม่แสดงความรักต่อลูกของคุณเอง แสดงความรักของคุณด้วยวิธีต่างๆ
การมาถึงของเทคโนโลยียุคอินเทอร์เน็ตทำให้ไลฟ์สไตล์หลายอย่างของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่เปลี่ยนไป นอกจากจะต้องปรับตัวให้เท่าทันสื่อออนไลน์ต่างๆ แล้ว การนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการเลี้ยงลูก ก็นับว่าเป็นข้อดีอีกอย่างของการมีอินเทอร์เน็ต แน่นอนว่ารวมถึงการที่เรามีโอกาสได้ทำความรู้จักกับ “รีวิวของเล่นเด็ก” ก่อนตัดสินใจซื้อด้วยเช่นกัน ทำไมต้องดูรีวิวของเล่นและสินค้าเด็กก่อนตัดสินใจซื้อ คุณๆ อาจสงสัยกันว่าทำไมเราต้องดูรีวิวของเล่นหรือสินค้าสำหรับเด็กก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ? ในเมื่อผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นก็ระบุวิธีเล่น วิธีการใช้งาน หรืออายุที่เหมาะสมของเด็กแต่ละช่วงวัยเอาไว้อยู่แล้ว แต่! เราจะรู้ไอย่างไรว่าผลิตภัณฑ์หรือของเล่นชิ้นนั้นมีคุณภาพจริงหรือไม่ ตัวสินค้าจริงที่อยู่ในกล่องหรือในหีบห่อเป็นอย่างไร นอกจากนี้เวลาเด็กๆ ได้สัมผัสกับของเล่นชิ้นนั้น พวกเขารู้สึกสนุกไหม ชอบหรือไม่ชอบตรงไหนบ้าง จะดีกว่าไหมหากเราสามารถรู้ข้อมูลเหล่านี้ก่อนตัดสินใจซื้อ และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องดูรีวิวของเล่นและสินค้าเด็กก่อน ก็เพื่อให้เรารู้รายละเอียดผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นๆ มากขึ้น ได้รับรู้ความรู้สึกเบื้องต้นของเด็กๆ ว่าของเล่นที่เรากำลังสนใจซื้อให้ลูกนั้นเหมาะสมกับวัยและสไตล์ความชอบของพวกเขาหรือไม่ รวมถึงลักษณะวิธีการเล่นหรือการใช้งานมีความปลอดภัยกับลูกของเรามากแค่ไหน และนี่เองที่เป็นเหตุผลดีๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ควรเลือกดูรีวิวของเล่นจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ให้ข้อมูลรอบด้าน เพื่อนำมาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจสำหรับพ่อแม่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัล แพลตฟอร์มรีวิวของเล่น Deklen คืออะไร Deklen คือแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อระหว่างบริษัทผลิตภัณฑ์เด็ก ผู้ผลิตหรือจัดจำหน่ายของเล่นเด็กกับนักรีวิวของเล่น จัดทำขึ้นเพื่อตอบโจทย์หลากหลายด้านทั้งต่อตัวเด็ก ในแง่การส่งเสริมพัฒนาการให้พวกเขาได้มีโอกาสดูรีวิวของเล่นชิ้นที่ตัวเองสนใจ ฝึกเรียนรู้การใช้งานด้วยตัวเองในกรณีที่ผู้ปกครองไม่มีเวลาว่าง รวมถึงกระตุ้นเด็กๆ ให้สนใจของเล่นที่มีประโยชน์ นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือสั่งสมประสบการณ์ดีๆ
ของเล่นเสริมพัฒนาการเด็ก การที่เราจะทำให้ของเล่น หรือ การเล่น มีความสำคัญต่อการเรียนรู้ ของเด็กอย่างมาก ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะนำไปสู่กระบวน การเรียนรู้ของเด็กในอนาคต ดั้งนั้นถ้าพ่อแม่ หรือ ผู้เลี้ยงดู ได้เข้าใจ และ สามารถนำของเล่น หรือ กิจกรรมการเล่นไปใช้กับเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ทักษะพัฒนาการ และ การเรียนรู้ของเด็ก จะก้าวไปอย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อเด็กมีพื้นฐานทางพัฒนาการที่ดี และ เหมาะสมกับวัย เด็กจะสามารถ นำประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาไปประยุกต์ใช้ กับการเรียนรู้ในอนาคตได้ อย่างมีคุณภาพ เพราะพัฒนาการทางด้านร่างกายเป็นสิ่งที่คุณแม่สามารถดูแลได้ไม่ยาก เพียงให้ลูกน้อยได้กินอิ่มนอนหลับ และ ออกกำลังกายบ้าง พวกเขาก็จะมีพัฒนาการทางด้านร่างกายที่เจริญเติบโตไปตามวัยแล้ว แต่ในเรื่องของจินตนาการ และ ความคิดสร้างสรรค์นั้นยากกว่ากันมาก เพราะสิ่งเหล่านี้นั้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาภายนอก และ ถึงแม้ว่าเราจะพยายามหาของเล่นมาช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูก แต่มันก็อาจจะยังไม่ได้ให้ผลเต็มประสิทธิภาพ หากไม่มีตัวเร้าความสนใจ เพื่อที่จะกระตุ้นให้เด็กๆ ได้ฝึกคิดได้มากเพียงพอ อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลย ว่า ของเล่นเสริมพัฒนาการเด็ก นั้นมีอิทธิพลต่อจินตนาการ และ ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตา โมบาย ดินน้ำมัน หรือ
ก่อนที่เราจะไปเลือกของเล่นกัน เรามาทำความรู้จักทักษะการพัฒนากล้ามเนื้อหรือ motor skill กันก่อนดีกว่า ทักษะการพัฒนากล้ามเนื้อของเด็กสามารถแบ่งได้เป็นสองส่วน ส่วนแรกคือทักษะการพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ (gross motor skill) ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆของร่างกาย เช่น แขน ขา เท่า หรือลำตัว โดยทักษะนี้จะรวมไปถึงการพัฒนาความคล่องแคล่ว การทรงตัว การสร้างสมดุลให้กับร่างกาย ความแข็งแรง ความไวในการเปลี่ยนท่าทางและทำให้มีทักษะในการเล่นกีฬาที่ดี ส่วนที่สองจะเป็นการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine motor skill) ซึ่งเป็นการบริการส่วนของร่างกายที่เล็กกว่า เช่นการหยิบจับสิ่งของระหว่างนิ้วชี้และนิ้วโป้ง การออกแรงในการเล่นดนตรี หรือแม้แต่การบังคับทิศทางดินสอ โดยกล้ามมัดเล็กจะช่วยให้เด็ก ๆ เขียนหนังสือได้สวย เขียนได้นาน และเป็นระเบียบอีกด้วย วันนี้ Deklen จะมาแนะนำการเลือกของเล่นที่จะช่วยพัฒนากล้ามเนื้อของเจ้าตัวเล็ก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาความแข็งแรงของร่างกายให้กับเด็ก ๆ ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ กันค่ะ 1. ลูกบอลหลากหลายรูปทรงและขนาด ไม่ว่าจะเป็น ลูกบอลโฟม ลูกบอลแบบกลวง หรือลูกบอลดึ๋งดั๋ง ก็สามารถช่วยเพิ่มทักษะการพัฒนากล้ามเนื้อของเจ้าตัวเล็กได้ทั้งกล้ามเนื้อมัดใหญ่ และกล้ามเนื้อมัดเล็กเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการพัฒนาในเรื่องการเคลื่อนไหว รวมถึงการหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ อีกด้วยค่ะ
คำถาม เรื่องการให้ลูกเรียนพิเศษวิชาการ ? เคยสงสัยไหมค่ะว่าลูกเราควรเรียนพิเศษวิชาการเหมือนเพื่อนๆคนอื่นๆเค้าไหม ? Q : ลูกพึ่งอยู่อนุบาล ใจจริงเรายังไม่เคยคิดอยากให้เค้าเรียนพิเศษวิชาการ ตั้งใจว่าโตกว่านี้ค่อยเรียนน่าจะดีกว่า A : จากคำแนะนำของคุณหมอท่านหนึ่งให้ไว้ว่า ” เด็กวัย 5-7 ขวบ ยังไม่จำเป็นต้องเรียนอะไรมากนัก ช่วงนี้เป็นช่วยวัยเตรียมควรพร้อมพื้นฐาน หากเร่งสอนให้อ่านออกเขียนได้ คิดเลขได้ก่อนวัย 7 ขวบก็จริงก็ดี แต่ความพร้อมและความถนัดในหลายๆทางก็จะสูญเสียไปด้วย เหมือนดังเช่นในปัจจุบันที่เด็กๆหลาๆคนเมื่อเติบโตขึ้นมา เค้ากลับไม่เคยรู้หรือรู้ตัวเลยว่าเค้าชอบอะไร และไม่ชอบอะไร เพราะเวลา 24 ชม.ในวัยเด็กของพวกเค้านั้น หมดไปกับการอ่านออกเขียนได้และการเรียนรู้เชิงวิชาการ จึงไม่เหลือเวลาให้ทดลอง สืบค้น ค้นหาตัวเองในด้านต่างๆ ในทางตรงกันข้าม หากเด็กๆมั่วแต่มุ่งมั่นแข่งขันในเชิงวิชาการ เค้าก็จะต้องแข่งไปเลื่อยๆจนเข้าสู่มมหาลัย และเกิดวันใดที่เค้าแพ้ เค้าก็จะไม่เหลือความสามารถใดๆในการดำเนินชีวิตต่อ เพราะที่ผ่านมาเค้าเหล่านั้นเรียนและรับรู้เชิงวิชาการเพียงอย่างเดียว คุณพ่อคุณแม่ลองไตร่ตรองดูว่าอยากให้ลูกๆของท่านโตมาแบบไหนดีในสังคมปัจจุบัน ?
นิทาน หากเราได้เดินดูตามร้าน จะพบว่าหนังสือนิทานหลายเล่มจะระบุช่วงอายุที่เหมาะสมต่อเด็กๆไว้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจากการที่คุณหมอได้อธิบายความจำเป็นในการเลือกนิทานตามช่วงอสยุวัยไว้นั้น เป็นเพียงเพื่อช่วบให้การเห็นภาพและเข้าใจในเนื้อหาของเด็กง่ายขึ้นก็เพียงเท่านั้นเองค่ะ ไม่ได้มีความจำเป็นหรือซีเรียสมากนักในการที่ต้องเล่านิทานตามช่วงอายุวัยแบบเป๊ะๆ ซึ่งก็คล้ายๆกับการเลือกของเล่นที่มีจุดประสงค์เพียงเพื่อความปลอดภัยต่อเด็กๆเป็นหลักค่ะ หากน้องๆเล่นอยู่ในสายตาและการควบคุมของพ่อแม่แล้ว เราก็สามารถให้น้องๆได้ลองเล่นได้หลายๆแบบหลายๆช่วงวัยค่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็นนิทานหรือของเล่นเด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน อายุที่เท่ากันก็ไม่เหมือนกัน บางคนกลัวบางคนไม่กลัว หากกลัวเราก็เลิกอ่านเล่มนี้ไปลองเล่มใหม่ หรืออาจจะลองถามสาเหตุว่าน้องไม่ชอบจุดไหนกลัวเพราะมีอะไรในนั้นค่ะ มิใช่กลัวแล้วพยายามฝึกความเข้นแข็งอ่านต่อไป อาจพักเล่มนั้นไว้ก่อนหาสาเหตุแล้วผ่านไประยะหนึ่งค่อยนำกลับมาลองอ่านให้เค้าฟังใหม่ก็ได้นะค่ะ นิทานที่มีพระเอกมีผู้ร้าย ความดีความชั่ว มีแม่มด มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เนื้อหาเหล่านี้ดีต่อพัฒนาการด้านจิตใจ โดยเฉพาะจิตใต้สำนึกเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเผชิญโลกแห่งความจริง เทพนิยายส่วนใหญ่ช่วยเตรียมความพร้อม พวกเขาตีความไม่เหมือนเราอยู่แล้วค่ะ เทพนิยายและตำนานอยู่รอดมาได้เพราะมักรักษาสมดุลได้ดีมาตลอดหลายพันปี ” เด็กบางคนสามารถรับรู้เรื่องราวที่ลึกซึ้งหรือซับซ้อนได้เร็ว ก็มิได้แปลว่าฉลาดกว่าเด็กคนอื่นๆ วิธีรับมือและตีความของเขาไม่เหมือนเรา แต่จะอย่างไรก็ตามการที่เขาอ่านหนังสือที่เกินตัวเลขอายุแนะนำได้ดี ถือว่าเป็นเรื่องน่าดีใจ คล้ายๆคำถาม อายุเท่านี้เท่านั้นเล่นนั่นเล่นนี่ได้หรือยัง โดยส่วนตัวไม่เคยถือสาเลย เอาทุกอย่างมาเล่นกับลูก เขาชอบ เล่นต่อ เขาไม่ชอบพักไว้ก่อน ปีหน้าค่อยลองใหม่ “
ทำไมเด็กๆถึงร้องอาละวาด? ทำไมเด็กๆถึงร้องอาละวาด ในเด็กวัยนี้จะเริ่มแสดงออกถึงตัวตน การเป็นตัวของตัวเอง ต้องการเป็นอิสระ พยายามที่จะทำอะไรที่เกินความสามารถ เริ่มอยากรู้อยากเห็น มีความต้องการจะควบคุมทุกอย่าง ต้องการจะตัดสินใจเอง ยิ่งถ้าเด็กๆมีอาการ หิว เหนื่อย หงุดหงิดหรือกลัว เด็กๆก็จะยิ่งควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ บ่อยครั้งเค้าจึงแสดงอาการ และความรู้สึกออกมาตรงๆ ดังนั้นการเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองเป็นเรื่องยากสำหรับเขา การร้องอาละวาดที่พวกเราเห็น จึงเป็นหนึ่งในการปลดปล่อยอารมณ์ของเด็กๆ สาเหตุที่อาจทำให้เด็กมีพฤติกรรมเช่นนั้น ได้แก่ พญ. สินดี จำเริญนุสิต กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านพัฒนาการ และพฤติกรรม โรงพยาบาลเวชธานีให้ข้อมูลว่า เด็กในช่วงอายุ 1-3 ปี หลายท่านคงเคยได้ยินคำเรียกเด็กวัยนี้ว่า “วัยต่อต้าน” เพราะเมื่อเด็กวัยนี้รู้สึกคับข้องใจ โกรธ หรือผิดหวัง พวกเขามักแสดงออกโดยการร้องไห้ แผดเสียง หรือกระทืบเท้าไปมา ซึ่งบางครั้งทำให้ผู้ปกครองรู้สึกโกรธ หรืออับอายได้ อย่างไรก็ตาม การร้องอาละวาดเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการเด็กเพื่อที่จะเรียนรู้การควบคุมตนเอง และในความเป็นจริงเด็กเกือบทุกคนต้องมีภาวะนี้บ้างไม่มากก็น้อย ข้อจำกัดเรื่อง พัฒนาการทางภาษาที่ยังไม่เข้าใจสิ่งที่พ่อแม่พูดหรือถามได้ทั้งหมด ไม่รู้จะบอกความรู้สึกของตนเองอย่างไร (หลังอายุ 3 ปีเด็กส่วนใหญ่สามารถบอกความรู้สึกได้ การร้องอาละวาดจึงค่อยๆลดลง ส่วนเด็กที่มีพัฒนาการทางภาษาช้า การร้องอาละวาดอาจจะคงอยู่นานกว่า) ข้อจำกัดเรื่องพัฒนาการด้านอื่นๆ คือ การเคลื่อนไหวร่างกาย / พัฒนาการด้านสติปัญญา