Author Archives: admin

สมาร์ทโฟนแท็บเล็ตและไอแพด ทำให้พัฒนาการต่างๆ ของเด็กล่าช้าลงจริงไหม ?

ซึ่งจากการสำรวจได้รับการยืนยันแล้วว่าสมาร์ทโฟนแท็บเล็ตและไอแพด ทำให้พัฒนาการต่าง ๆ ของเด็กล่าช้า ! โดยเฉพาะพัฒนาการด้านภาษาและมีโอกาสเสี่ยงเป็นออทิสติกเทียม สมาธิสั้น เพราะเด็กส่วนใหญ่จะถูกปล่อยให้นั่งเล่นคนเดียวเป็นเวลานานทำให้ขาดทักษะการสื่อสารกับผู้อื่นจึงพูดช้า ในส่วนของแสงสีที่ปล่อยออกมาจากจอภาพนั้นอาจส่งผลเสียต่อสายตา สมองและอาจรบกวนการนอนหลับของเด็ก การที่เด็กไม่ได้รับการกระตุ้น พัฒนาการด้านอื่น ๆ อย่างเหมาะสม อาจทำให้การเรียนรู้ช้ากว่าเด็กทั่วไปอีกด้วย เด็กบางคนได้รับการเลี้ยงดูด้วยสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตและไอแพดมาตั้งแต่ยังเล็กจนทำให้เกิด “อาการติด”  ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตว่าลูกมีอาการติดเครื่องมือสื่อสารเหล่านี้หรือไม่ ดังนี้– เมื่อตื่นขึ้นมามักถามถึงมือถือ แท็บเล็ตและไอแพดเป็นสิ่งแรกก่อนทำอย่างอื่น หรือถามถึงบ่อยตลอดวัน– ใช้เวลาเล่นมือถือ แท็บเล็ตและไอแพดเป็นเวลานาน โดยนั่งอยู่กับที่สายตาจองมองแต่จอและเมื่อต้องลุกไปไหน เด็กก็จะหยิบติดมือไปด้วยเสมอ หรือแม้กระทั่งเวลาต้องลุกเดิน มือเด็กก็จะยังคงถือติดมือไปด้วย– เด็กไม่สนใจคนรอบข้าง แม้แต่พ่อแม่เพราะมัวสนใจแต่จะเล่นมือถือ แท็บเล็ตและไอแพดเท่านั้น– เด็กเลิกทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจ อยากแต่จะเล่นแต่มือถือ แท็บเล็ตและไอแพดเท่านั้น– เด็กจะแยกตัวออกจากสังคมในขณะที่เล่นมือถือ แท็บเล็ตและไอแพด– เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือไม่ชอบใจหากถูกควบคุมหรือห้ามไม่ให้เล่น เช่น ร้องไห้ กรีดร้อง กระทืบเท้า ลงไปนอนกลิ้งบนพื้น โมโหรุนแรง ทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น หรืออาการต่อต้านแบบอื่น ๆ– เมื่อต้องไปทำธุระหรือกิจกรรมอื่น ๆ เด็กจะกระวนกระวายใจ เพราะต้องการกลับมาเล่นมือถือ แท็บเล็ตและไอแพด#ภัยร้ายในเด็ก #เด็กติดมือถือ #เด็กติดไอแพดแท็บเล็ต #เด็กติดจอ #เด็กสมาธิสั้น #ลูกสมาธิสั้น #ลูกดื้นโววายไม่นิ่ง #เสริมพัฒนาการเด็กตามวัย #จิตแพทย์ชี้เด็ก

ลูกติดจอสมาธิสั้น โทษที่ตามมามีอะไรบ้าง ควรแก้ไขอย่างไรดีค่ะ ??

ในสมัยนี้เทคโนโลยีกลุ่มเครื่องมือสื่อสารเข้ามามีบทบาทต่อการเลี้ยงดูบุตรหลานในหลายๆครอบครัวของพวกเราเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูลอันเป็นประโยชน์ในการเลี้ยงดูเด็กเด็ก การหาความรู้เกี่ยวกับพัฒนาการเด็กตามช่วงวัย ข้อมูลความรู้ๆต่างๆที่ช่วยให้การเลี้ยงลูกในปัจจุบันมีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งทางกายภาพ สติปัญญา พัฒนาการ ร่วมไปถึงจิตวิทยาของเด็กตามช่วงวัยการเจริญเติบโต แต่ใครจะรู้บ้างว่าเจ้ามือถือพวก smart phone ร่วมไปถึง ipad และ tablet ส่วนใหญ่เด็กที่สนใจจะอยู่ในวัย 2-6 ปี ซึ่งจะชื่นชอบมากเป็นพิเศษเพราะสามารถให้ความเพลิดเพลินด้วยแสงสีที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา เรามาดูกันว่าตามที่พ่อแม่ยุคใหม่หวังที่จะใช้เป็นเครื่องเล่นหรือใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ให้ลูกนี้ นักพัฒนาการเด็กและผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าอย่างไรกันบ้าง ?            ซึ่งจากการสำรวจได้รับการยืนยันแล้วว่าสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตและไอแพด ทำให้พัฒนาการต่าง ๆ ของเด็กล่าช้า !โดยเฉพาะ พัฒนาการด้านภาษา และมีโอกาสเสี่ยงเป็นออทิสติกเทียม สมาธิสั้น เพราะเด็กส่วนใหญ่จะถูกปล่อยให้นั่งเล่นคนเดียวเป็นเวลานานทำให้ขาดทักษะการสื่อสารกับผู้อื่นจึงพูดช้า ในส่วนของแสงสีที่ปล่อยออกมาจากจอภาพนั้นอาจส่งผลเสียต่อสายตา สมอง และอาจรบกวนการนอนหลับของเด็ก การที่เด็กไม่ได้รับการกระตุ้น พัฒนาการด้านอื่น ๆ อย่างเหมาะสม อาจทำให้การเรียนรู้ช้ากว่าเด็กทั่วไปอีกด้วย เด็กบางคนได้รับการเลี้ยงดูด้วยสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตและไอแพดมาตั้งแต่ยังเล็กจนทำให้เกิด “อาการติด”            ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตว่าลูกมีอาการติดเครื่องมือสื่อสารเหล่านี้หรือไม่ ดังนี้  – เมื่อตื่นขึ้นมามักถามถึงมือถือ

เราเอื้อมมือแตะสายรุ้งได้ไหมนะ?

เราเอื้อมมือแตะสายรุ้งได้ไหมนะ?  ไม่ได้ เพราะสายรุ้ง คือ แสง และเราก็แตะแสงไม่ได้ด้วย สายรุ้งเกิดขึ้นเมื่อแสงแดดส่องผ่านหยดน้ำ ซึ่งจะกระจายแสงออกเป็นสีต่างๆ 7 สี อ้างอิงจากหนังสือ เด็กประถมอย่างหนูอยากรู้จัง…เราเอื้อมมือแตะสายรุ้งได้ไหมนะ?

สอนลูกยังไงให้คิดบวก

เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการมองโลกบวก จะทำให้เด็ก ๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่เองเกิดภูมิต้านทานในการใช้ชีวิตมากขึ้น มีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้น และสามารถทนต่อแรงกดดันต่าง ๆ รอบตัวได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นแล้ว เรามาเรียนรู้วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้เจ้าตัวน้อยของเราคิดบวกกันดีกว่า 1. ลองสังเกตุเรื่องดี ๆ รอบตัว                  การสร้างเรื่องราวดี ๆ ในแต่ละวันทำให้ลูกน้อยสามารถยิ้มกับวันแย่ๆได้ แถมยังทำให้เค้ามองโลกบวกมากยิ่งขึ้นด้วย โดยในตอนเย็นหลังเลิกเรียน คุณพ่อคุณแม่อาจจะลองถามลูกน้อยดูว่าวันนี้มีเรื่องอะไรดี ๆ เกิดขึ้นบ้าง เพื่อให้เค้าลองหาเรื่องราวดี ๆ รอบตัว เช่น วันนี้วิ่งเล่นจนหกล้ม แต่ก็มีเพื่อนใจดีช่วยพาไปทำแผลที่ห้องพยาบาล 2. มีความสุขกับสิ่งเล็กน้อย                 การที่เราสอนให้เจ้าตัวน้อยรู้ว่าการมีความสุขทุกวันไม่ใช่เรื่องยาก จะทำให้เค้ารู้สึกมีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้น เช่น สอนให้เด็ก ๆ มีความสุขจากการได้แบ่งปันของเล่นให้กับเพื่อน ๆ  สอนให้เด็ก ๆ ช่วยเหลือคนรอบตัว หรือแม้แต่มีความสุขกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ โดยคุณพ่อคุณแม่อย่างเราก็อาจจะหยิบยื่นคำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ เพื่อให้เค้าทำสิ่งเหล่านั้นต่อไป 3. ออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ                 การสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ

ไม่ตวาดเมื่อลูกมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

เคยมั้ย? ที่ลูกของคุณมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น เหยียบหนังสือ,ฉีกหนังสือนิทานขาด,ลูกขึ้นไปยืนบนโต๊ะ เป็นพฤติกรรมที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายๆคนหงุดหงิดใจไปอย่างมาก แล้วคุณจะแก้ปัญหานี้ยังไงล่ะ ข้อ1 ตวาดลูกขึ้นมาทันทีข้อ2 ไม่ตำหนิ เพราะคิดว่า “ลูกยังเด็กอยู่ ถึงตำหนิไป ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”ข้อ3 ตักเตือนก่อนที่ลูกจะมีพฤติกรรมแบบนั้น คำตอบคือ ไม่มีข้อไหนถูกเลยค่ะ แต่ให้คุณสอนลูกอย่างใจเย็น ว่านั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ดิฉันคิดว่าการที่คุณพ่อคุณแม่คุยกับลูกดีๆด้วยเหตุผล ลูกของคุณก็จะเข้าใจคุณ และก็จะไม่มีการทะเลาะกันอย่างแน่นอนค่ะ อ้างอิง : หนังสือ 45 เทคนิค ของคุณแม่ญี่ปุ่นเลี้ยงลูกคุณให้ดูแลตัวเองได้ #deklen #momandkid #kid #สอนลูก #เด็กเล่น #พัฒนาการเด็ก #แม่และเด็ก

คำพูดของพ่อแม่ที่จะแทรกซึมเข้าไปในใจลูก

คำพูดในทางลบ เช่น “ทำไมได้สักที่นะ”  “อย่างลูกของฉันน่ะเหรอ…”         จะแทรกซึมเข้าไปในใจเด็กเช่นกัน พร้อมกับความคิดที่ว่า “นี่เป็นคำพูดของคุณพ่อและคุณแม่ที่เรารัก เพราะฉะนั้นมันต้องเป็นเรื่องที่ถูกต้องแน่”        ซึ่งคำพูดที่บั่นทอนความพึงพอใจในตัวเองของเด็ก จึงฝังลึกอยู่ในใจเด็กเช่นกัน หนังสือ “เข้มแข็งไว้ ลูกพ่อ!” แนะวิธีแก้ไข คือ การฝังคำพูดอื่นลงไปแทนดังเช่นรูปภาพด้านบน        ซึ่งคำพูดในทางลบของพ่อแม่ หรือการเปรียบเทียบกับลูกคนอื่นนั้น แท้จริงแล้วมันเกิดจากความไม่ตั้งใจของพวกเขา คนเราสามารถทำผิดพลาดได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สิ่งที่เด็กทำได้ คือ การให้อภัยพ่อแม่และให้อภัยตัวเอง เพื่อที่เราจะได้มีโอกาสเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

ทำไมหนูต้องทำงานบ้านด้วย?

“ทำไมหนูต้องทำงานบ้านด้วย?” ถ้ามีลูกถามคำถามนี้แล้ว คุณจะตอบว่ายังไง เป็นคำถามที่ช่วยเตือนสติให้กับคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้เลย ว่าอยากจะให้ลูกสบาย หรืออยากให้ลูกรู้จักความลำบาก ถ้าคุณไม่รู้จะตอบว่ายังไง ในหนังสือ เลี้ยงลูกให้หายสงสัย สไตล์คุณหมอประเสริฐ แนะนำให้บอกกับลูกว่า “เกิดเป็นคน ต้องทำงาน” ด้วยยุคสมัยที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีสิ่งที่support เด็กมากมาย การจะให้เด็กฝึกรู้จักทำงาน ก็อาจเป็นเรื่องที่ให้เด็กตระหนักถึงความรับผิดชอบที่เขาต้องทำ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ควรฝึกเขาตั้งแต่เด็ก เพื่อที่จะส่งผลดีต่ออนาคตของพวกเขา ที่จะทำให้พวกเขามีความอดทนและมีความรับผิดชอบในการทำงานให้สำเร็จได้ดี

ควรกระตุ้นพัฒนาการลูกอย่างไรดี?

ควรกระตุ้นพัฒนาการลูกอย่างไรดี มีสินค้ากระตุ้นพัฒนาการมากมายบอกขายในเน็ตได้ผลจริงหรือเปล่า มีอันตรายที่คาดไม่ถึงหรือไม่         ในหนังสือ “เลี้ยงลูกให้หายสงสัย สไตล์คุณหมอประเสริฐ” ได้กล่าวไว้ว่า ลูกกินนมได้ เดินได้ พูดได้ ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องกระตุ้น เรายอมรับในแบบที่เขาเป็น ชวนเขาค้นหาความสามารถของตนเอง แล้วชื่นชม ทำอย่างไรก็ได้ให้เขาภูมืใจในชีวิตที่ตนเองมี ปัญหาส่วนใหญ่มักเกิดจากความหวังดีของผู้ใหญ่ ยุ่งหรือวุ่นวายกับเส้นทางพัฒนาการของเด็กมากเกินไปและกดดันมากไป สิ่งสำคัญสำหรับเด็ก คือ หาเวลาเล่นกับเขา ลูกไม่ต้องการเงินของคุณ เขาต้องการเวลาของคุณ หาเวลาทำกิจกรรมด้วยกัน ถ้าอยากที่จะซื้อจริงๆ ของต่อไปนี้ควรซื้อ          – ของเล่นไม้รูปทรงอิสระ         – เลโก้         – ชุดตุ๊กตาไดโนเสาร์สักชุดและชุดบ้านพร้อมครัวสักชุด อ้างอิงจากหนังสือ “เลี้ยงลูกให้หายสงสัย สไตล์คุณหมอประเสริฐ”

รวมมิตร #ของเล่น สุดฮิตเชื่อมสัมพันธ์แม่ – ลูกให้แน่นแฟ้นกว่าเดิม

ขึ้นชื่อว่าเป็น #คุณแม่ #คุณลูก แล้ว ช่วงของอายุต้องต่างกันอย่างแน่นอน ซึ่งนี่เป็นปัญหาอย่างหนึ่งของเหล่าคุณแม่มือใหม่ ที่ไม่รู้ว่าจะเชื่อมสัมพันธ์กับลูกน้อยวัย 3 – 10 ปีได้อย่างไร ว่าแล้ววันนี้เราก็จะมาแชร์ของเล่นสุดฮิตสำหรับให้คุณแม่ ได้ทำความเข้าใจความสนุกสนานของลูกน้อยมากขึ้น พร้อมทั้งจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกว่าเดิมอีกด้วยจ้า 1. #กระดานวาดรูป สำหรับเด็กในวัยนี้ที่เต็มไปด้วย #จินตนาการ และ #ความคิดสร้างสรรค์ การซื้อกระดานวาดรูปไม่ว่าจะเป็นแบบไวท์บอร์ดหรือจะเป็นกระดานเล็ก รวมถึง #MagneticBoardก็เป็นของที่ช่วยเสริมทักษะของลูกๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งคุณแม่ยังสามารถร่วมสนุกไปกับคุณลูกได้อีกด้วย 2. #สมุดวาดรูประบายสี นอกจากกระดานวาดรูปแล้ว สมุดวาดรูประบายสีก็ยังคงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะลูกๆ ของคุณจะได้ #ฝึกสมาธิ และจินตนาการในการระบายสีลงในช่องต่างๆ ถือเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่เพลิดเพลินเลยทีเดียวสำหรับเด็กวัยนี้ 3. #เลโก้ #ตัวต่อสารพัดชนิด เหล่าเลโก้และตัวต่อก็เป็นสินค้าสำหรับเด็กอีกชนิดหนึ่งที่ฮอตฮิต ไม่ตกยุคตกสมัยอย่างแน่นอน เพราะมีทั้งขนาดใหญ่สำหรับเด็กเล็ก และขนาดที่เล็กลงมาหน่อยสำหรับเด็กที่เริ่มโตขึ้น โดยมีรูปทรงมากมาย ให้เด็กๆ ได้สร้างสรรค์ออกมาเป็นยานพาหนะหรือสัตว์ชนิดต่างๆ อีกทั้งยังมีคอลเลคชั่นตามหนังหรือการ์ตูนให้ติดตามอีกด้วย 4. #จักรยานสี่ล้อ สุดท้ายนี้สำหรับเด็กที่เริ่มโตขึ้นมา การมีจักรยานสี่ล้อไว้ ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกัน เป็น #กิจกรรมสันทนาการ ระหว่างครอบครัวที่ดี ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมกันได้ คุณลูกปั่น คุณแม่คุณพ่อวิ่งไล่ตาม คอยดูแล เป็นโมเมนต์ที่สร้างความอบอุ่นภายในครอบครัวได้อย่างมากเลยทีเดียว ว่าแล้วเหล่าคุณแม่ก็เตรียมพร้อมพาลูกๆ ไปช้อปปิ้งกันเลยค่ะ หรือใครที่ต้องการหารีวิวและผลิตภัณฑ์สำหรับลูกน้อยเพิ่มเติม ก็สามารถแวะมาได้ที่เพจ Deklen กันได้เลยนะคะ ทางเพจยินดีให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าต่างๆ พร้อมทั้ง รีวิวผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์กับเด็กๆ อย่างแน่นอนค่ะ โดยสามารถติดตามได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

เปลี่ยนอาหารเมนูผัก ให้กลายเป็นมื้อโปรดของเด็กๆ

เด็กส่วนใหญ่มักจะเลือกทานเฉพาะอาหารที่ตนเองชอบเท่านั้น ทำให้บรรดาคุณแม่ต่างกังวลใจว่าลูกของตนอาจจะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ทำให้พัฒนาการทางร่างกายไม่เติบโตไปตามวัย จึงพยายามหาอาหารเสริมให้ลูกทาน ซึ่งจะเพิ่มค่าใช้จ่ายของครอบครัวขึ้นมาอีกหลายเท่าตัว เมื่อเทียบกับการที่เด็กสามารถรับประทานอาหารตามธรรมชาติได้เอง ดังนั้น เราจึงควรฝึกให้ลูกหัดรับประทานอาหารที่หลากหลายและครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ และไขมัน ทั้งนี้เพราะอาหารทุกชนิดมีความสำคัญ และยังสามารถช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายได้อีกด้วย มีวิธีการง่ายๆ หลายอย่าง ที่ช่วยทำให้เด็กๆ ยอมรับประทานอาหารที่มีรสชาติที่ไม่ถูกใจ จะมีอะไรบ้างนั้น เราลองมาร่วมกันค้นหาคำตอบได้จากบทความนี้กันเลยค่ะ ปกติแล้ว เด็กๆ มักจะไม่ชอบทานผักและผลไม้ แต่เลือกที่จะทานเนื้อสัตว์ อาหารตระกูลไขมัน และคาร์โบไอเดรต เราอาจจะตัดผักเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปผสมรวมกันกับสิ่งที่เด็กๆ ชอบ อย่างเช่น ข้าวผัดหมูใส่แครอทและถั่วลันเตา ที่นอกจากจะเพิ่มสีสันให้อาหารดูน่าทานมากขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มคุณประโยชน์ให้แก่มื้ออาหาร ทำให้เด็กๆ ได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่อีกด้วย แต่ถ้าวิธีแรกยังไม่ได้ผล เพราะเด็กๆ เขี่ยผักออกจากจาน ต้องลองวิธีนี้เลยค่ะ แกะสลักผักและผลไม้ให้เป็นรูปร่างที่คล้ายตัวการ์ตูนที่เขาชื่นชอบ หรือไม่อย่างนั้นก็นำเอาอาหารหลายๆ อย่างมาจัดจานให้สวยงาม โดยอาจจะใช้ธีมตัวละครของดิสนีย์มาเป็นตัวช่วย เพื่อให้เด็กๆ รู้สึกดีกับอาหารที่ทานมากขึ้น โดยคุณสามารถใช้วิธีการให้เด็กมีส่วนร่วมกับการทานอาหารมากขึ้น เช่น ถามว่าเด็กอยากทานอะไร ลองวาดรูปให้ดูหน่อย จากนั้นคุณก็เนรมิตจานข้าวให้คล้ายกับรูปวาดของเด็กๆ